ทำไมคาร์ซีทต้องผ่านมาตรฐานสากล?
ต้องตรวจสอบอะไรก่อนจะซื้อคาร์ซีท?ต้องตรวจสอบการอนุมัติมาตรฐานความปลอดภัยของเด็ก - ฉลาก ECEที่นั่งในรถทั้งหมดต้องแสดงฉลากรับรอง ECE เพื่อระบุว่าเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยมาตรฐานของสหภาพยุโรป
ซึ่งหมายความว่าคาร์ซีทเป็นตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดของยุโรป นอกจากนี้คุณยังสามารถตรวจสอบการจัดอันดับความปลอดภัยที่ได้รับของคาร์ซีทส่วนใหญ่โดยองค์กรทดสอบในยุโรปเช่น Stiftung Warentest และ ADAC |
ทำไมต้องเลือกคาร์ซีทที่ได้มาตรฐาน ปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดในการเลือกซื้อนั้น เราควรดูว่าคาร์ซีทนั้นได้มาตรฐานหรือไม่ สำหรับที่ประเทศไทยคงจะยังไม่มีมาตรฐานที่จะมากำหนดได้ ดังนั้นก็อาจจะใช้มาตรฐานของยุโรปอย่างสวีเดนหรือเยอรมัน เป็นมาตรฐานแทน แม้ว่าจะยี่ห้อดีและแพงแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีมาตรฐานเราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะปลอดภัย
เมื่อคาร์ซีทถูกผลิตออกมานั้นก็จะต้องมีการทดสอบความแข็งแรงและปลอดภัยของคาร์ซีท รวมไปถึง ตัวผ้าคลุม การติดตั้ง เข็มขัดนิรภัยที่ต้องติดตัวเด็ก รวมไปถึงโครงสร้างของคาร์ซีท เมื่อถูกทดสอบการชนในความเร็วต่างๆ สำหรับในยุโรปแล้วจะมีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับคาร์ซีท คาร์ซีทที่ได้รับการรับรองจะมีสัญลักษณ์หรือป้ายสีส้มแบบในภาพติดที่ตัวคาร์ซีท
ฉลากแสดงรายละเอียดมาตรฐานคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบและรองรับคุณภาพ
ปัจจุบันมีมาตราฐานความปลอดภัยในการเดินทางสำหรับเด็กในรถยนต์ที่บังคับใช้ 2 มาตราฐานคือ ECE R44 และมาตราฐานใหม่ ECE R129
ECE R44/04 Child Restraint Systems (มาตรฐานของสหภาพยุโรป) คาร์ซีททุกตัวต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ECE R44/04 ว่ามีความปลอดภัยและสามารถปกป้องเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยกฎข้อบังคับนี้ได้เริ่มต้นใช้เมื่อปี พ.ศ. 2548 ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน ECE R44/04 โรงงานผู้ผลิตคาร์ซีทต้องนำผลิตภัณฑ์ของตนเข้ารับการทดสอบความแข็งแรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคาร์ซีทแต่ละตัวถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยอย่างแท้จริง
คาร์ซีทที่ได้รับรหัส ECE 44/04 นี้ได้ผ่านการทดสอบดังต่อไปนี้ หากต้องการเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กในสหภาพยุโรปอย่างถูกกฎหมายจะต้องผ่านการทดสอบการชนอย่างใดอย่างหนึ่งด้านล่างนี้:
Cr.Sunday Times Driving
i-Size เป็นข้อบังคับใหม่สำหรับเบาะนั่งนิรภัย(Car Seat)สำหรับเด็กบนรถยนต์ซึ่งจะทำงานควบคู่ไปกับข้อบังคับปัจจุบัน (ECE R44 / 04) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2013 เราเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาและเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความคุ้มครองให้กับเด็ก ๆ ทั่วยุโรปได้อย่างมาก การทดสอบความผิดพลาด R129 UN Regulation ใหม่เรียกอีกอย่างว่า i-Size: * ทดสอบการชนด้านหน้าด้วยความเร็ว 50 กม. / ชม มาตรฐาน i-SIZE มี 5 จุดสำคัญที่ระบุไว้ในกฎระเบียบด้านความปลอดภัยใหม่ 1. กฎหมายบังคับใช้ : ให้ติดตั้ง Car seat แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rearward-Facing) สำหรับการเดินทางของเด็กจนถึงอายุ 15 เดือน 2. การจำแนกประเภทของ Car seat ตามความสูง 3. พัฒนาการป้องกันการกระแทกด้านข้าง (SICT) 4. บังคับใช้ ISOFIX 5. การใช้งานร่วมกันกับรถยนต์ที่มี i-Size
Tested to the highest standards ที่ Britax Römer การรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่เป็นได้คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเรา นั่นเป็นเหตุผลที่เราเป็นผู้บุกเบิกการทดสอบแบบ in-house dynamic testing เปิดศูนย์ทดสอบการชน ( crash test ) ขั้นสูงที่ทันสมัยและล้ำหน้าที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับทดสอบคาร์ซีทเพื่อเด็กทั่วโลก
และของผลิตภัณฑ์คาร์ซีทจาก Britax ในรุ่นที่เป็นมาตรฐาน ECE R 44 นั้น มีมาตรฐานเทียบเท่าได้กับมาตรฐาน ECE R129 หรือ i-SIZE เนื่องจากเป้าหมายหลักของ BRITAX คือการสร้างนวัตกรรมที่เหนือกว่า จึงมีการพัฒนาความปลอดภัยที่เหนือกว่ามาตรฐานพื้นฐาน โดยเกณฑ์การผ่านทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยจะอยู่ที่ 50 คะแนน ในส่วนคาร์ซีทจาก Britax ได้คะแนนอยู่ในระดับสูงกว่า 85 คะแนน
|
องค์กรทดสอบมาตรฐานและรางวัลการันตีคาร์ซีทADAC / Stiftung Warentest ทำการทดสอบการชนของคาร์ซีทด้วยความเร็วซึ่งสูงกว่าข้อบังคับของสหภาพยุโรป: ผลการทดสอบเผยแพร่ใน Which? นิตยสารในสหราชอาณาจักรและรายงานของ บริษัท ผู้บริโภคที่คล้ายคลึงกัน เนื่องจากผลลัพธ์เพียง 50% ขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของเบาะรถจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาว่าที่นั่งใดที่ระบุว่าเป็น "Best Buy" หรือ "Don’t Buy" ไปยังผลการทดสอบการชนจริง นอกจากนี้เบาะนั่งด้านหลังบางรุ่นได้รับการทดสอบว่าเป็นแบบหันหน้าดังนั้นเนื่องจากการติดตั้งที่ไม่ถูกต้องผลการทดสอบจึงไม่แม่นยำ
|