ความแตกต่างระหว่างกฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีทในต่างประเทศ
ความแตกต่างระหว่างกฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีทในต่างประเทศ
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีทในประเทศไทย
Car Seat Law & Regulations in Thailand
กฏหมายบังคับใช้คาร์ซีทในแต่ละประเทศย่อมมีความแตกต่างกันไป แต่อย่างไรก็ตามการออกกฏหมายการบังคับใช้คาร์ซีทเด็กแรกเกิด Baby Car Seat เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัย ลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็ก คาร์ซีทเป็นที่นั่งนิรภัยเสริมติดในเบาะที่นั่งรถยนต์สำหรับเด็กเล็กที่มีความจำเป็น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและป้องกันอันตรายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ลูกน้อยขณะเดินทางในรถยนต์ เพื่อลดอาการบาดเจ็บจากแรงกระแทกจากอุบัติเหตุภายในหรือภายนอกรถยนต์
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ พระราชบัญญัติ จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565
(ก) คนโดยสารที่นั่งแถวตอนหน้าและที่นั่งแถวตอนอื่น ต้องรัดร่างกายด้วยเช็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์
(ข) คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่พิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย หรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
(ค) คนโดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด
ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารมีเหตุผลทางสุขภาพอันไม่สามารถรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งได้ ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามวรรค 1 แต่บุคคลนั้นต้องมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กและที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตรายตาม (2) (ข) และวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุตามที่บัญญัติไว้ในมาตรานี้ ให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด
บทบัญญัติตามมาตรานี้มิให้ใช้บังคับกับผู้ที่อยู่ใน รถสามล้อ รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถใช้งานเกษตรกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และรถยนต์อื่นที่ไม่ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยตามที่อธิบดีกรมขนส่งทางบกประกาศกำหนด
ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 123 วรรค 1 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนกฎหมายคาร์ซีทเริ่มบังคับใช้
Britax คาร์ซีท แบ่งตามช่วงอายุ
เรามาดูฝั่งของต่างประเทศกันบ้าง ว่าประเทศต่างๆ มีกฏหมายอะไรบ้างเกี่ยวกับการบังคับใช้คาร์ซีท
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในสหราชอาณาจักร
เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี หรือมีความสูงน้อยกว่า 4 ฟุต 5 นิ้ว / 135 เซนติเมตร ต้องนั่งคาร์ซีทหรือ Booster Seat เด็กที่มีอายุมากกว่า 12 ปี หรือมีความสูงมากกว่า 4 ฟุต 5 นิ้ว / 135 เซนติเมตร สามารถใช้ที่นั่งในรถยนต์ได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้Booster Seat
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในฝรั่งเศส
- เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปีและมีความสูงน้อยกว่า 135 เซนติเมตรต้องใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กที่ได้รับการรับรองจาก UN R44/R129
- เด็กที่มีความสูงระหว่าง 135 ถึง 150 เซนติเมตร สามารถใช้ Car Seatแบบ Booster ได้หากทางคุณพ่อคุณแม่ต้องการซึ่งเป็นเบาะนั่งเสริมที่ติดตั้งได้โดยยึดกับเบาะหลังของรถยนต์
- หากในรถยนต์ไม่มีเบาะหลังหรือไม่มีเข็มขัดนิรภัยในเบาะหลังคุณพ่อคุณแม่สามารถนำคาร์ซีทแบบ Rear-facing Seat(หันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์) มาไว้ที่นั่งหน้ารถยนต์ได้
- ไม่จำเป็นต้องใช้คาร์ซีทในแท็กซี่
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในเยอรมนี
- ต้องมีสายรัดนิรภัยสำหรับเด็กที่ได้รับอนุมัติตาม UN R44/R129สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปีหรือส่วนสูงน้อยกว่า 150 เซนติเมตร
- เด็กต้องใช้คาร์ซีทในแท็กซี่
ปรึกษา/สอบถามผู้เชี่ยวชาญคาร์ซีทได้ที่
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในเนเธอร์แลนด์
- เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตรต้องใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กที่ได้รับการรับรองจาก UN R44 / R129
- หากรถยนต์ไม่มีเข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลังรถยนต์ เด็กอายุ 3ปีขึ้นไปสามารถนั่งเบาะหลังได้
- ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้เด็กจำนวนสามคนนั่งบนเบาะหลังแต่มีที่ว่างสำหรับ Car Seat แค่ 2 ที่นั่ง และเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปอีก 1 คนสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่ได้
- หากไม่มี Car Seat ในแท็กซี่ที่ได้รับอนุญาต (ป้ายทะเบียนสีน้ำเงิน)โดยเด็กที่มีอายุมากกว่า 3
- ปี สามารถนั่งเบาะหลังของรถยนต์ได้โดยใช้เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่และเด็กอายุต่ำกว่า 3ปีสามารถนั่งเบาะหลังได้โดยไม่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัย
- ผู้โดยสารเด็กสามารถนั่งเบาะข้างหน้าของแท็กซี่ได้แต่ต้องมีความสูงมากกว่า 135 เซนติเมตร
- และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ด้วย
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีทในโปรตุเกส
- เด็กทุกคนที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปีและมีความสูงน้อยกว่า 135 เซนติเมตรต้องใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กที่ได้รับการรับรองจาก UN R44/R129คุณพ่อคุณแม่สามารถให้เด็กอายุต่ำกว่าสามขวบนั่งเบาะด้านหน้าที่มี
- คาร์ซีทรองรับได้ในขณะที่ถุงลมนิรภัยเสียหรือไม่ทำงาน
- หากรถยนต์ไม่มีเข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลังเด็กสามารถนั่งเบาะข้างหน้ารถยนต์ได้ โดยเลือก Car Seat
- ที่ถูกประเภทและถุงลมนิรภัยต้องไม่ทำงาน
- หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้เด็กสามคนนั่งเบาะหลังแต่มีที่ว่างสำหรับ Car Seat แค่ 2 ที่นั่ง และเด็กที่เหลืออีก 1คนที่อายุมากที่สุดอาจจะใช้เข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตรงกลางได้
- ไม่จำเป็นต้องใช้คาร์ซีทในแท็กซี่
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในไอร์แลนด์
- เด็กที่มีส่วนสูงต่ำกว่า 150 ซม. หรือมีน้ำหนัก 36 กก. (79 ปอนด์)ต้องใช้ระบบพยุงตัวสำหรับเด็กที่เหมาะสมกับส่วนสูงและน้ำหนักที่ได้รับการอนุมัติตาม UN R44 หรือ R129
- เด็กสามารถนั่งในที่นั่งด้านหน้าได้ตราบเท่าที่พวกเขาใช้ Car Seatที่ถูกต้องสำหรับส่วนสูงและน้ำหนักแต่การใช้คาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ (Rear-Facing Seat)ในที่นั่งที่ถุงลมนิรภัยทำงานอยู่ ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
- ควรให้เด็กนั่งหลังรถยนต์โดยห่างจากถุงลมนิรภัยและแผงหน้าปัดเสมอ
- ไม่จำเป็นต้องใช้คาร์ซีทในแท็กซี่
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในเดนมาร์ก
- เด็กควรใช้ Car Seat ที่เหมาะสมกับส่วนสูงและน้ำหนักจนพวกเขามีความสูงถึง 135 ซม.
- และคาร์ซีทต้องได้รับการอนุมัติตาม UN R44 หรือ R129
- คุณพ่อคุณแม่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ Rear-Facing Seatแบบหันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ในที่นั่งด้านหน้าของรถยนต์ถ้าถุงลมนิรภัยยังทำงานอยู่
- ผู้ขับรถยนต์มีหน้าที่รับผิดชอบต่อเด็กทุกคนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีโดยการเลือกใช้คาร์ซีทหรือเข็มขัดนิรภัยให้ปลอดภัยอย่างเหมาะสมต่อเด็ก
- เด็กสามารถเดินทางด้วยแท็กซี่ได้โดยไม่มี Car Seat หากไม่มีที่นั่งว่างโดยเด็กต้องนั่งเบาะหลัง และถ้าเด็กอายุ 3ปีขึ้นไปต้องคาดเข็มขัดนิรภัย
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในสเปน
- ถ้ามีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีและสูงน้อยกว่า 135เซนติเมตรอยู่บนรถยนต์ จำเป็นต้องใช้คาร์ซีทที่ได้รับการรับรองจากUN R44/R129 ตรงเบาะหลังของรถยนต์
- ในกรณีที่รถยนต์บางคันมีเพียงสองที่นั่ง หรือไม่สามารถใส่ Car Seat ที่เบาะหลัง สามารถติดตั้งคาร์ซีทที่เบาะหน้าได้โดยที่ถุงลมนิรภัยต้องไม่ทำงาน
- หากคุณพ่อคุณแม่ถูกจับได้โดยไม่มี Car Seat ในรถยนต์ตำรวจจะขอให้คุณรอจนกว่าจะมีคนนำคาร์ซีทมาให้หรือจะพาเด็กไปขึ้นรถยนต์หรือแท็กซี่อีกคันที่มีคาร์ซีทก็ได้
- ค่าปรับเมื่อทำผิดกฎหมายคาร์ซีทประมาณ 300 ยูโร
- ไม่จำเป็นต้องใช้คาร์ซีทในเมืองแต่หากคุณพ่อคุณแม่จอดรถที่สนามบินและกำลังเดินทางนอกใจกลางเมือง คุณจำเป็นต้องใช้ Baby Car Seat กับลูกน้อย
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในสหรัฐอเมริกา
- แต่ละรัฐจะมีกฎหมาย Car Seatสำหรับเด็กและนักเดินทางที่ต้องปฏิบัติแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ
- ตัวอย่างเช่นรัฐเซาท์ดาโคตากำหนดให้มีคาร์ซีทสำหรับเด็กสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปีและมีน้ำหนักน้อยกว่า 40 ปอนด์ในขณะที่รัฐเทนเนสซีกำหนดให้มี Car Seat สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า8ปีและรวมถึงมีข้อกำหนดสำหรับคาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ (Rear-Facing Seat) แบบหันไปทางหน้ารถยนต์ (Forward-Facing Seat)และแบบเบาะนั่งเสริม (Booster)
- คาร์ซีททั้งหมดในตลาดต้องผ่านข้อกำหนด(รวมถึงการทดสอบการชน) ของ FMVSS 213โดยสถาบันประกันภัยบนทางหลวงจะจัดทำตารางกฎหมายของรัฐทั้งหมด
- ในรัฐส่วนใหญ่การเดินทางบนแท็กซี่ได้รับการยกเว้นจากกฎหมายคาร์ซีท ยกเว้นรัฐแคลิฟอร์เนีย
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในแคนาดา
- ในแคนาดาแต่ละรัฐจะมีกฎหมาย Car Seat และ Booster Seat ที่ต้องปฏิบัติแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ตัวอย่างเช่น รัฐอัลเบอร์ตากำหนดให้ใช้คาร์ซีทกับเด็กอายุ 6 ปี หรือมีน้ำหนักอย่างน้อย 18 กิโลกรัม (40 ปอนด์) ส่วนกฎหมายที่นั่งเสริมยังไม่มี ส่วนรัฐบริติชโคลัมเบียกำหนดให้คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rear-Facing) กับเด็กอายุอย่างน้อย 1 ปี หรือมีน้ำหนัก 9 กิโลกรัม (20 ปอนด์) ส่วนกฎหมายที่นั่งเสริมให้ใช้จนเด็กสูงถึง 145 เซนติเมตรหรืออายุ 9 ปี และรัฐแมนิโทบาให้ใช้คาร์ซีทหรือเบาะนั่งเสริมให้เหมาะสมกับอายุ น้ำหนัก และส่วนสูงของเด็ก โดยเบาะนั่งเสริมให้ใช้จนเด็กสูงถึง 145 เซนติเมตร หรือมีน้ำหนักถึง 36 กิโลกรัม (80 ปอนด์) หรืออายุ 9 ปี
ปรึกษา/สอบถามผู้เชี่ยวชาญคาร์ซีทได้ที่
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในญี่ปุ่น
- กฎหมายของญี่ปุ่นไม่ได้เข้มงวดเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ประเภทของ Car Seat ที่ใช้และตำแหน่งที่นั่งมากนัก แต่กฎหมายมีแนวทางให้ปฏิบัติตาม โดยให้ใช้คาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางด้านหลัง (Rear-Facing Car Seat) จนกว่าเด็กจะอายุครบ 2 ปี หรือมีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม (20 ปอนด์) ส่วนคาร์ซีทแบบหันไปทางหน้ารถยนต์ (Forward Facing Car Seat) ให้ใช้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี หรือมีน้ำหนักไม่เกิน 18 กิโลกรัม (40 ปอนด์) และเบาะเสริม ( Booster Seat) สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี และมีน้ำหนักไม่เกิน 36 กิโลกรัม (80 ปอนด์)
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในฟิลิปปินส์
- Car Seat ที่ได้รับอนุญาตจะต้องได้รับเครื่องหมายมาตรฐานของประเทศฟิลิปปินส์ โดยคาร์ซีทประเภทแบบหันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ (Rear-Facing Seat) และแบบหันไปทางหน้ารถยนต์ (Forward-Facing Seat) ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีใช้ ส่วนน้ำหนักและส่วนสูงของเด็กตามที่ผู้ผลิตระบุ ส่วนคาร์ซีทประเภทเบาะนั่งเสริม (Booster) บังคับใช้กับเด็กไม่เกินอายุไม่เกิน 12 ปี และส่วนสูงไม่เกิน 150 เซนติเมตร ค่าปรับกรณีฝ่าฝืนโดยไม่ได้ให้เด็กใช้ Car Seat หรือเบาะนั่งเสริมจะถูกปรับเป็นเงินจำนวน 1,000 เปโซสำหรับความผิดครั้งแรก และ 2,000 เปโซสำหรับความผิดครั้งที่สอง และ 5,000 เปโซสำหรับความผิดครั้งที่สาม นอกจากนี้ยึดใบอนุญาตขับรถยนต์ 1 ปี ในกรณีหากพบว่ามีการปลอมแปลงเครื่องหมายมาตรฐานฟิลิปปินส์จะถูกปรับเป็นเงิน 50,000 - 100,000 เปโซ
- ไม่ต้องใช้คาร์ซีทในรถแท็กซี่
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในมาเลเซีย
- กฎหมายฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2020 โดยอนุญาตให้ใช้คาร์ซีทประเภทแบบหันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ (Rear-Facing Seat)กับเด็กเล็กอายุไม่เกิน 18 เดือน หรือมีน้ำหนักตัวไม่เกิน 29 ปอนด์ ส่วนคาร์ซีทแบบหันไปทางหน้ารถยนต์ (Forward-Facing Seat) ใช้กับเด็กอายุไม่เกิน 4 ปี หรือมีน้ำหนักตัวไม่เกิน 40 ปอนด์ และเบาะนั่งเสริม (Booster) ใช้กับเด็กอายุไม่เกิน 7 ปี และส่วนสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ในกรณีที่ผู้ปกครองไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะเสียค่าปรับ 2,000 ริงกิต
- ไม่ต้องใช้คาร์ซีทในรถแท็กซี่
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท ในสิงคโปร์
- อนุญาตให้ใช้คาร์ซีทประเภทแบบหันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ (Rear-Facing Seat)กับเด็กเล็กอายุไม่เกิน 9 เดือน หรือมีน้ำหนักตัวไม่เกิน 22 ปอนด์ ส่วนคาร์ซีทแบบหันไปทางหน้ารถยนต์(Forward-Facing Seat) ใช้กับเด็กอายุไม่เกิน 4 ปี หรือมีน้ำหนักตัวไม่เกิน 39 ปอนด์ และเบาะนั่งเสริม (Booster) ใช้กับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 55 ปอนด์ และส่วนสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ในกรณีที่ผู้ปกครองไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะเสียค่าปรับสูงถึง 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์และจำคุก 3 เดือน
- ไม่ต้องใช้คาร์ซีทในรถแท็กซี่ เพราะแท็กซี่ได้รับการยกเว้นด้วยกฎหมายว่าด้วยการควบคุมเด็ก
- องค์การสหประชาชาติได้กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก โดยออกคำสั่งห้ามที่นั่งเสริมแบบไม่มีพนักพิงสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 22 กก. และสูงต่ำกว่า 125 เซนติเมตร
การป้องกันชีวิตเด็กให้ไปถึงจุดหมายปลายทางในสถานที่ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย และเพื่อคุณภาพชีวิตของเยาวชนที่ดีในอนาคต ซึ่งเป็นการสร้างสังคมปลอดภัยให้เกิดขึ้นในขณะเดินทางโดยการบังคับใช้กฎหมายจะเป็นการสนับสนุนให้ผู้ปกครองใส่ใจเตรียมพร้อมในการดูแลบุตรหลานในขณะเดินทางออกสู่ท้องถนน ซึ่งถือเป็นเครื่องการันตีว่าบุตรหลานของท่านจะได้รับโอกาสปลอดภัยต่อการเดินทางอย่างมั่นใจ
Britax Thailand ตัวแทนผู้ผลิตคาร์ซีทคุณภาพ ความปลอดภัยสูง ยาวนานกว่า 50 ปี และเป็นผู้คิดค้นระบบความปลอดภัยที่เรียกว่า ISOFIX รายแรกของโลก จนกระทั่งปัจจุบัน ระบบ ISOFIX ถูกใช้เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสาธารณะทั่วภาคพื้นยุโรป (EU) ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
สอบถามสินค้าคาร์ซีท (Car Seat) และ รถเข็นเด็ก (Stroller) Britax ได้ที่
Call Center: 084 3883887
Email : Info@BritaxThailand.com
Line: @BritaxThailand
Line@ : @britaxthailand