Booster seat คืออะไร?
คาร์ซีทเด็กโต (Booster Seat)
-
ใหม่ล่าสุดคาร์ซีท booster seat Britax รุ่น ADVANSAFIX PRO (15 เดือน - 12 ปี)29,900.00 THB
34,900.00 THB (-14%)มีหลายคุณสมบัติให้เลือก
-
ใหม่ล่าสุดคาร์ซีท booster seat Britax รุ่น ADVANSAFIX i-SIZE (15 เดือน - 12 ปี)36,900.00 THB
มีหลายคุณสมบัติให้เลือก
-
คาร์ซีท Britax รุ่น TRAVELLER plus (3.5 ปี - 12 ปี)28,900.00 THB
35,900.00 THB (-19%)มีหลายคุณสมบัติให้เลือก
-
แนะนำคาร์ซีทใช้ยาวจนโต Britax รุ่น Grow With You ClickTight Plus | 2- 12 ปี | 11-54 kg (Harness to Booster Seat) SafeWash30,900.00 THB
36,900.00 THB (-16%)มีหลายคุณสมบัติให้เลือก
-
คาร์ซีทใช้ยาวจนโต Britax รุ่น Grow With You ClickTight | 2- 12 ปี | 11-54 kg (Harness to Booster Seat)28,900.00 THB
33,900.00 THB (-15%)มีหลายคุณสมบัติให้เลือก
เพราะช่วงวัยเด็ก เป็นช่วงวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านของจิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา และร่างกาย ที่มีการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการอย่างชัดเจน คุณพ่อและคุณแม่หลายท่านจึงอาจจะพบว่าในช่วงนี้ บรรดาข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ลูกน้อยเคยใช้งานได้อย่างปกตินั้นอาจไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคาร์ซีท (car seat) หรือ เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ที่ใช้อยู่อาจไม่สามารถรองรับน้ำหนักและส่วนสูงที่เพิ่มมากขึ้นของลูกน้อย และสามารถช่วยปกป้องลูกน้อยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่คาดฝันได้อีกต่อไป
เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อลูกน้อยโตขึ้นเกินกว่าที่จะสามารถใช้งานคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กได้อย่างปลอดภัยแบบนี้ ก็ถึงเวลาที่คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านจำเป็นจะต้องมองหาตัวช่วยใหม่อย่าง บูสเตอร์ซีท (Booster Seat) หรือ เบาะนั่งเสริมความปลอดภัยภายในรถยนต์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสำหรับการนำมาช่วยเสริมความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ ให้กับเด็กโตได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะ
บูสเตอร์ซีท (Booster Seat) คืออะไร
บูสเตอร์ซีท (Booster Seat) หรือ เบาะนั่งเสริมความปลอดภัยภายในรถยนต์ นับเป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กโตรูปแบบหนึ่งที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถรองรับกับสรีระร่างกายของเด็ก ช่วงอายุตั้งแต่ 3.5 - 12 ปี ได้โดยเฉพาะ (แบ่งออกเป็นบูสเตอร์ซีท EU i-size ส่วนสูงตั้งแต่ 100 เซนติเมตรหรือน้ำหนัก 15 - 36 กิโลกรัม และบูสเตอร์ซีท US น้ำหนัก 18 - 54 กิโลกรัม หรืออายุ 4 - 12 ปี) เนื่องจากเด็กในช่วงวัยนี้มีพัฒนาการทางด้านการเจริญเติบโตของร่างกายที่ค่อนข้างก้าวกระโดด ซึ่งส่งผลต่อการมีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไป และการมีน้ำหนักตัวและส่วนสูงที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ไม่สามารถนั่งอยู่ในคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก และใช้งานสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (5 point harness system) ได้อย่างพอดีเพื่อเสริมความปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย
แต่อย่างไรก็ตาม สรีระร่างกายของเด็กในช่วงวัยนี้นั้นก็ยังไม่ได้มีการเจริญเติบโตที่มากพอที่จะทำให้เด็ก ๆ สามารถใช้งานสายรัดนิรภัยภายในรถยนต์เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ได้อย่างพอดี เนื่องจากเด็กในวัยนี้ส่วนใหญ่นั้นจะมีส่วนสูงที่น้อยกว่า 150 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าน้อยกว่าส่วนสูงมาตรฐานที่สามารถใช้งานสายรัดนิรภัยในรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย เมื่อมีการใช้งานสายรัดนิรภัยภายในรถยนต์กับเด็กที่มีส่วนสูงที่น้อยกว่า 150 เซนติเมตรนั้น สายรัดนิรภัยเหล่านั้นอาจจะรัดอยู่ที่บริเวณลำคอหรือแขนของเด็ก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องและอันตราย ส่งผลให้เมื่อเกิดการชน ปะทะ หรือกระแทกจากการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่คาดฝัน สายรัดนิรภัยภายในรถยนต์เหล่านี้จึงไม่เพียงแต่จะไม่สามารถดึงรั้งร่างกาย และช่วยกระจายแรงปะทะออกสู่เบาะรถยนต์เพื่อความปลอดภัยของตัวเด็กได้แล้วนั้น แต่ยังส่งผลให้สายรัดนิรภัยภายในรถยนต์อาจกลายมาเป็นตัวการร้ายที่ทำให้เด็ก ๆ ได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงจากการถูกสายรัดนิรภัยรัดเข้ากับบริเวณต่าง ๆ ของลำตัว หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด สายรัดนิรภัยภายในรถยนต์เหล่านี้อาจรัดเข้าที่คอของเด็กและอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนมานั่ง Booster Seat
Booster Seat หรือ คาร์ซีทสำหรับเด็กโตจะเป็นสินค้าที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสำหรับการนำมาใช้งานร่วมกับเด็ก ช่วงอายุตั้งแต่ 3.5 - 12 ปี (แบ่งออกเป็นบูสเตอร์ซีทของ EU i-size ส่วนสูงตั้งแต่ 100 เซนติเมตรหรือน้ำหนัก 15 - 36 กิโลกรัม และบูสเตอร์ซีทของ US น้ำหนัก 18 - 54 กิโลกรัม หรืออายุ 4 - 12 ปี) โดยเฉพาะ แต่ทั้งนี้ เนื่องด้วยสรีระร่างกายและพัฒนาการของร่างกายในแต่ละช่วงวัยของเด็กแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันออกไป ตามลักษณะพันธุกรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ส่งผลให้หลักเกณฑ์ใหม่ที่จะถูกนำมาใช้ในการพิจารณาว่าเด็กๆ แต่ละคนนั้นโตพอที่จะสามารถใช้งานบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยแล้วหรือยัง จึงต้องมีการใช้น้ำหนัก ส่วนสูงและอายุของเด็กเป็นหลักเกณฑ์อ้างอิงสำหรับการพิจารณา เพื่อให้สามารถใช้งาน Booster Seat เพื่อเสริมความปลอดภัยในตลอดระยะเวลาของการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Highback Booster Seat ของ Britax แตกต่างจาก Booster Seat ทั่วไปอย่างไร
ในปัจจุบันนี้มี Booster Seat วางจำหน่ายอยู่มากมายในท้องตลาด ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป โดย Booster Seat ของ Britax จะเป็นรูปแบบ Highback Booster Seat ซึ่งมีพนักพิงหลังที่โอบอุ้มช่วยปกป้องร่างกายและศีรษะได้เป็นอย่างดี และเมื่อพูดถึง High back Booster Seat ของ Britax แน่นอนว่าคุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านจะได้พบกับสุดยอดนวัตกรรมความปลอดภัยระดับสูงจากประเทศเยอรมนี ที่ถูกผลิต คิดค้น และออกแบบขึ้นมาด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันทันสมัย และแตกต่างออกไปจากคาร์ซีทเด็กโตยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาด เพื่อให้ได้ Booster Seat ในรูปแบบใหม่ที่สามารถป้องกันอันตรายให้กับลูกน้อยจากการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับคาร์ซีท Britax เท่านั้น
• เทคโนโลยี Patented XP-PAD เทคโนโลยี Patented XP-PAD หรือ แผ่นรอง Safety Seat Belt แบบพิเศษบริเวณหน้าอกของเด็ก นับเป็นเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นและออกแบบขึ้นมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกของเด็กที่ยังมีการเจริญเติบโตและมีความแข็งแรงไม่เต็มที่เท่ากับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ โดยในการเลือกใช้งาน Highback Booster Seat ที่มี
• เทคโนโลยี Patented XP-PAD นั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ยึดจับให้สายรัดนิรภัยช่วยยึดจับตัวเด็กเอาไว้กับเบาะที่นั่ง Highback Booster Seat ได้มากยิ่งขึ้นแล้วยังเป็นการช่วยลดแรงกระแทกที่ระหว่างช่วงอกและคอของเด็กในระหว่างที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนหรือปะทะกันของรถยนต์ได้มากถึง 30% เพื่อความปลอดภัยที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ๆ ทุกคน เทคโนโลยี SecureGuard เทคโนโลยี SecureGuard ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับ Britax ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยที่มากขึ้นเป็นพิเศษให้กับบริเวณหน้าท้องของเด็กโตที่นั่งอยู่บน Highback Booster Seat โดยเฉพาะ เพราะบริเวณหน้าท้องถือเป็นบริเวณที่มีความบอบบางและต้องได้รับการดูแลปกป้องที่ดีมากที่สุดจุดหนึ่ง ส่งผลให้เทคโนโลยี SecureGuard ที่มีการเพิ่มจุดความปลอดภัยจุดที่ 4 ลงบนเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด จึงสามารถช่วยเสริมการปกป้องให้กับเด็กโตที่นั่งอยู่บน Highback Booster Seat ได้รอบด้าน ผ่านการช่วยลดแรงกระแทกบริเวณหน้าท้องในกรณีที่รถยนต์เกิดการชนจากด้านหน้าได้มากถึง 35%
โดย Britax คือบริษัทผู้ผลิตคาร์ซีทเด็กโต หรือ Booster Seat จากเยอรมันที่ปลอดภัยที่สุด ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอย่าง ECE R44 และ ECE R129 หรือ i-Size และระบบคาร์ซีท ISOFIX รายแรกของโลก อีกทั้งยังได้รางวัลการันตีความปลอดภัยอีกมากมายจากหลายสถาบันในอุตสาหกรรมรถยนต์ และที่ Britax Thailand เราให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่าลูกค้าทุกท่านจะได้รับสินค้าที่มีการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านสามารถไว้วางใจในคุณภาพและความสบายของลูกน้อยในระหว่างการใช้งานคาร์ซีท และ รถเข็นเด็ก ทุกรุ่นของ Britax ได้เป็นอย่างดีเสมอ และเรายังมีบริการดูแลและรับประกันสินค้าสูงสุดถึง 24 เดือน ในกรณีสินค้าชำรุดสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้าได้ทางหน้าเว็บไซต์ทันที
คาร์ซีทแรกเกิด l คาร์ซีทเด็กเล็ก l คาร์ซีทเด็กโต (Booster Seat) l รถเข็นเด็ก (Stroller)
สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อ
Call center : 02 538 6700
Call center : 084 388 3887
Email : Info@BritaxThailand.com
Line: @britaxthailand