เทคนิคเลือกรถเข็นเด็กให้เหมาะกับช่วงอายุ

เทคนิคเลือกรถเข็นเด็กให้เหมาะกับช่วงอายุ

รถเข็นเด็ก Baby Strolle เลือกใช้งานอย่างไรให้เหมาะกับช่วงอายุ

รถเข็นเด็ก

เมื่อถึงเวลาที่จะต้องพาลูกน้อยออกจากบ้านเพื่อไปพบแพทย์ ทำธุระ หรือท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ ภายนอกบ้าน นอกเหนือไปจากที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องทำการเลือกซื้อคาร์ซีทเด็ก (Car Seat) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ให้กับเด็ก ๆ แล้วนั้น อีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ รถเข็นเด็ก (Baby Stroller) ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องอุ้มเจ้าตัวน้อยด้วยตัวเองตลอดเวลาจนก่อให้เกิดอาการเมื่อยหรือปวดหลัง อีกทั้งยังเป็นการช่วยทำให้เด็ก ๆ สามารถนั่งอยู่บนรถเข็นเด็กด้วยท่าทางที่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ได้อย่างสบายตัว ไปพร้อม ๆ กับการช่วยเปิดมุมมองการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ได้อย่างไม่จำกัด

 

ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้รถเข็นเด็ก (Baby Stroller) ที่มีวางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดต่างก็ได้ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีฟังก์ชันที่สามารถรองรับการใช้งานร่วมกับเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ Britax Thailand จึงได้ทำการรวบรวมเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกรถเข็นเด็กให้เหมาะกับเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงอายุมาฝากคุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทุกคนกันค่ะ ลองมาดูไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้เลยว่า การเลือกรถเข็นเด็กสำหรับเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงอายุจะมีรายละเอียดอะไรที่เราควรให้ความสำคัญบ้าง


เทคนิคการเลือกรถเข็นเด็ก เลือกอย่างไรให้เหมาะกับเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงอายุ

ก่อนที่จะมาพูดถึงเทคนิคการเลือกซื้อรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) เราอยากจะขอพาคุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทุกท่านมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแบ่งประเภทของรถเข็นเด็กตามช่วงอายุกันก่อน โดยในปัจจุบันนี้บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีทและรถเข็นเด็กส่วนใหญ่มักจะนิยมแบ่งกลุ่มรถเข็นเด็กออกเป็นทั้งหมด 3 กลุ่ม ได้แก่ รถเข็นสำหรับเด็กแรกเกิด รถเข็นเด็กสำหรับเด็กอายุ 6-18 เดือน และรถเข็นเด็กสำหรับเด็กอายุ 2 - 4 ปีขึ้นไป ซึ่งรถเข็นเด็กแต่ละประเภทนั้นก็จะมีฟังก์ชันการใช้งานที่จำเป็นและมีเทคนิคในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้


รถเข็นเด็กสำหรับเด็กแรกเกิด

สำหรับทารกวัยแรกเกิดที่ยังเติบโตและมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เด็ก ๆ ในช่วงวัยนี้จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการปกป้องดูแลเป็นพิเศษแบบรอบด้าน และควรได้ใช้งานคาร์ซีทและรถเข็นเด็กสำหรับเด็กแรกเกิดที่ถูกออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถรองรับกับสรีระและพัฒนาการทางด้านร่างกายของพวกเขาได้โดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นแล้วในการเลือกซื้อรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) มาใช้งาน คุณพ่อคุณแม่ทุกคนจึงมีปัจจัยหลัก 3 ข้อในการพิจารณา ดังนี้

  • ฟังก์ชันการปรับเอนนอนหลายระดับ
    สำหรับทารกวัยแรกเกิดที่ยังไม่สามารถตั้งคอและนั่งหลังตรงได้ ฟังก์ชันการปรับเอนนอนของเบาะที่นั่งรถเข็นเด็กที่สามารถเลือกปรับระดับความสูงขึ้น-ลงได้หลายระดับ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้เด็ก ๆ สามารถนอนราบในท่าทางที่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ได้อย่างสบายตัวตลอดการเดินทาง

  • ฟังก์ชันที่เก็บของ 
    การจะพาเจ้าตัวเล็กเดินทางออกจากบ้านในแต่ละครั้ง คุณพ่อคุณจำเป็นที่จะต้องจัดเตรียมข้าวของที่จำเป็นติดตัวไปด้วยมากมาย ส่งผลให้การเลือกใช้งานรถเข็นเด็กที่มีฟังก์ชันที่เก็บของจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องคอยกังวลกับการหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง และสามารถดูแลลูกน้อยได้ดีมากขึ้น

  • ฟังก์ชันหลังคาพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ 
    ปกป้องเด็ก ๆ จากสภาพอากาศที่แปรปรวนและอันตรายต่าง ๆ ภายนอกบ้านด้วยการเลือกใช้งานรถเข็นเด็กที่มาพร้อมด้วยฟังก์ชันหลังคา (Canopy) และช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถนั่งอยู่บนรถเข็นเด็กได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องสัมผัสกับแสงแดด ฝุ่นควัน สิ่งสกปรก และเชื้อโรคร้ายในอากาศ


รถเข็นเด็กสำหรับเด็กอายุ 6-18 เดือน

เมื่อเด็ก ๆ เติบโตขึ้น แน่นอนว่าเด็ก ๆ แต่ละคนก็ล้วนมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย ตลอดจนความต้องการในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อถึงช่วงวัยที่เด็ก ๆ กำลังหัดคลานหรือหัดเดิน ก็ได้เวลาที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องทำการเลือกพิจารณาปรับเปลี่ยนรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) อีกครั้ง เพื่อช่วยให้รถเข็นเด็กสามารถซัพพอร์ตพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ทุกคนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

  • ฟังก์ชันสายรัดนิรภัย 5 จุด
    นอกเหนือไปจากการใช้งานสายรัดนิรภัย 5 จุด (five-point harness) ในคาร์ซีทแล้วนั้น เด็ก ๆ ก็ควรที่จะได้รับการปกป้องจากการใช้งานสายรัดนิรภัย 5 จุดที่ควรมีติดตั้งอยู่บนรถเข็นเด็กเช่นเดียวกัน เพราะสายรัดนิรภัย 5 จุดจะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถมั่นใจได้ว่าเด็ก ๆ ที่กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้จะไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการตกจากรถเข็นเด็กและสามารถนั่งอยู่บนรถเข็นเด็กได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

  • ฟังก์ชันปรับการเข็นแบบ 2 ทิศทาง รถเข็นเด็ก (Baby Stroller) ควรมาพร้อมด้วยฟังก์ชันปรับการเข็นแบบ 2 ทิศทาง ทั้งแบบหันหน้าเข้าหาผู้เข็น และหันหน้าออกจากผู้เข็น เพราะสำหรับเด็ก ๆ ในวัย 6 เดือนนั้นต่างก็ยังเคยชินกับการมองเห็นคุณพ่อคุณแม่อยู่ในสายตาตลอดเวลาเหมือนอย่างตอนนั่งรถเข็นเด็กสำหรับเด็กแรกเกิด แต่เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้นพวกเขาก็จะเริ่มมีพัฒนาการที่เปลี่ยนไปและต้องการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากยิ่งขึ้น

  • ฟังก์ชันหลังคาพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ เช่นเดียวกันกับรถเข็นเด็กสำหรับเด็กแรกเกิด เด็ก ๆ ในช่วงวัยนี้ยังคงต้องการการปกป้องที่ดีที่สุดจากสภาพแวดล้อมภายนอกตัวบ้าน เพราะฉะนั้นแล้วคุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกใช้งานรถเข็นเด็กที่มาพร้อมด้วยฟังก์ชันหลังคาและช่องระบายอากาศขนาดใหญ่กับพวกเขา แต่อาจปรับเปลี่ยนมาใช้งานหลังคาที่มาพร้อมด้วยบริเวณที่โปร่งใสมากขึ้น เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ สามารถมองเห็นคุณพ่อคุณแม่ของเขาได้ดีมากขึ้น


รถเข็นเด็กสำหรับเด็กอายุ 2 - 4 ปีขึ้นไป

แม้ว่าเด็ก ๆ ในช่วงวัยตั้งแต่ 2-4 ปีขึ้นไปจะมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์จนสามารถก้าวเดินหรือวิ่งได้อย่างมั่นคงแล้วนั้น แต่ในบางครั้งการต้องเดินในระยะทางที่ไกลและใช้เวลานานก็อาจทำให้เด็ก ๆ เกิดความอ่อนล้าได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) จึงยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์จำเป็นที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเด็ก ๆ และผู้ปกครองได้ดีขึ้นเมื่อต้องออกจากบ้าน โดยสำหรับฟังก์ชันที่ควรจะมีในรถเข็นเด็กสำหรับเด็กอายุ 2 - 4 ปีขึ้นไปนั้นก็จะมีรายละเอียด ดังนี้

  • ฟังก์ชันน้ำหนักเบา พับเก็บได้ง่าย
    สำหรับเด็ก ๆ ที่ไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องใช้งานรถเข็นเด็กตลอดเวลาที่ต้องออกจากบ้าน การเลือกรถเข็นเด็กที่มาพร้อมด้วยฟังก์ชันน้ำหนักเบาหรือสามารถพับเก็บได้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดการกับรถเข็นเด็กเมื่อไม่ได้มีการใช้งานได้อย่างสะดวกมากขึ้น

  • ฟังก์ชันป้องกันการสั่นสะเทือน เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้นจนถึงวัยเตาะแตะ แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนก็คงมีแพลนกิจกรรมที่อยากทำกับลูกน้อยมากมายตั้งแต่กิจกรรมง่าย ๆ สบาย ๆ อย่างเช่น การไปเดินช้อปปิ้ง หรือการไปเที่ยวสวนสัตว์ ตลอดจนกิจกรรมแบบลุย ๆ อย่างเช่น การวิ่งจ๊อกกิ้ง เป็นต้น เพราะฉะนั้นแล้วรถเข็นเด็กจึงควรมาพร้อมด้วยฟังก์ชันป้องกันการสั่นสะเทือน เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ สามารถนั่งหรือนอนหลับอยู่บนรถเข็นในขณะที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างสะดวกสบายมากที่สุด
 

สำหรับคุณพ่อและคุณแม่ท่านไหนที่กำลังมองหาคาร์ซีทเด็ก และรถเข็นเด็ก คุณภาพให้กับลูกน้อยของตนเอง Britax คือ บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีท และรถเข็นเด็ก จากเยอรมันที่มีนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุด เราให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้รับสินค้าที่มีการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านสามารถไว้วางใจในคุณภาพและความสบายของลูกน้อยในระหว่างการใช้งานคาร์ซีท และ รถเข็นเด็ก ทุกรุ่นของ Britax ได้เป็นอย่างดีเสมอ และเรายังมีบริการดูแลและรับประกันสินค้าสูงสุดถึง 24 เดือนในกรณีสินค้าชำรุดสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้าได้ทางหน้าเว็บไซต์ทันที

BRITAX Strollers

  • รถเข็นเด็ก Britax รุ่น Gravity II (แรกเกิด - 6 ปี)
    22,900.00 THB

    มีหลายคุณสมบัติให้เลือก

  • ใหม่ล่าสุด
    รถเข็นเด็ก Britax รุ่น SEED PAPILIO (แรกเกิด - 4 ปี)
    39,920.00 THB
    49,900.00 THB  (-20%)

    มีหลายคุณสมบัติให้เลือก

  • รถเข็นเด็ก Britax รุ่น GO NEXT (แรกเกิด - 4 ปี)
    52,720.00 THB
    65,900.00 THB  (-20%)

    มีหลายคุณสมบัติให้เลือก


สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อ

Call center : 02 538 6700

Call center : 084 388 3887

Email : Info@BritaxThailand.com

Line: @britaxthailand

 

Visitors: 843,213