ฟังก์ชันที่ควรมีในรถเข็นเด็กสำหรับคุณแม่มือใหม่

ฟังก์ชันที่ควรมีในรถเข็นเด็กสำหรับคุณแม่มือใหม่

รถเข็นเด็กควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง ?

       คุณพ่อคุณแม่แต่ละบ้านมีวิธีการพาลูกน้อยเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ อย่างเช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือโรงพยาบาล อย่างไรกันบ้างคะ ? หากเป็นการเดินทางไปยังสถานที่ใกล้ ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกใช้วิธีในการอุ้มลูกน้อยไปยังสถานที่ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากเป็นการเดินช้อปปิ้งหรือการไปเที่ยวในสถานที่ไกล ๆ การมีรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) สักหนึ่งคัน ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยชั้นดีที่จะมาช่วยทุ่นแรงในการอุ้มหรือแบกสัมภาระของลูกน้อยให้กับคุณพ่อคุณแม่เมื่อต้องการจะพาลูกน้อยออกไปนอกบ้านได้มากขึ้น อีกทั้งการใช้งานรถเข็นเด็กยังช่วยให้เด็ก ๆ สามารถนั่งและนอนได้อย่างสบายบนรถเข็นเด็กนุ่ม ๆ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ข้างนอกบ้านอีกด้วย 

       สำหรับคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่กำลังมองหารถเข็นเด็กมาไว้ในครอบครอง แต่ยังไม่รู้ว่าควรเลือกซื้อรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) อย่างไรให้สามารถตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายทั้งของตัวเองและของลูกน้อยได้อย่างดีที่สุด วันนี้เราเลยได้ทำการรวบรวมข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับฟังก์ชันที่ควรมีในรถเข็นเด็กสำหรับคุณแม่มือใหม่มาเพื่อเป็นข้อมูลให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อรถเข็นเด็กกันค่ะ

รถเข็นเด็กควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง ?

ช่องเก็บของขนาดใหญ่

       ในการพาลูกน้อยออกจากบ้านเพื่อไปเที่ยวหรือไปทำธุระแต่ละครั้งนั้น คุณพ่อคุณแม่ทุกคนจำเป็นจะต้องเตรียมข้าวของเครื่องใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าอ้อม อุปกรณ์สำหรับชงนม จุกนมหลอก ของเล่น หรือสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ที่ลูกชอบ เพื่อให้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์จนแทบจะไม่ต่างจากการย้ายบ้านไปด้วยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแล้วฟังก์ชันสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) คือ ฟังก์ชันช่องเก็บของขนาดใหญ่ที่จะช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกคนสามารถจัดเก็บสัมภาระของลูกน้อยเพื่อการหยิบใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งการมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ยังเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้รถเข็นเด็กเกิดการเสียสมดุลจนเกิดการพลิกคว่ำหรือหงายหลังจากการแขวนกระเป๋าหรือสิ่งของเอาไว้ที่บริเวณด้ามจับของรถเข็นเด็กได้อีกด้วย

ระบบการปรับเอนแบบหลายระดับ

       การเลือกรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) ที่สามารถปรับเอนเบาะที่นั่งและที่พักเท้าได้หลายระดับไม่ว่าจะเป็นการนั่งตรงและนั่งเอนแบบทั่วไป หรือการเอนนอนแบบ Lie-flat ไม่เพียงแต่จะมีความสำคัญสำหรับทารกวัยแรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 เดือน ที่ยังมีพัฒนาการของร่างกายและกล้ามเนื้อบริเวณคอที่ไม่สมบูรณ์จนไม่สามารถนั่งอยู่บนรถเข็นเด็กในท่านั่งได้เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญกับเด็กโตที่ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นในระหว่างที่อยู่นอกบ้านเป็นระยะเวลานาน ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะรถเข็นเด็กที่มีระบบการปรับเอนแบบหลายระดับจะช่วยให้เด็ก ๆ ทุกคนสามารถนั่งหรือนอนบนรถเข็นเด็กได้ในท่าทางที่เหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์ และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ บนรถเข็นเด็กได้อย่างสบายตัวโดยไม่เกิดการปวดเมื่อยร่างกาย

ระบบป้องกันการสั่นสะเทือนบริเวณล้อหน้าและล้อหลัง

       นอกจากการมีระบบการปรับเอนแบบหลายระดับที่จะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถนั่งและนอนบนรถเข็นเด็กได้อย่างสะดวกสบายแล้วนั้น การมีระบบป้องกันการสั่นสะเทือนบริเวณล้อหน้าและล้อหลังของรถเข็นเด็กก็ถือเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันสำคัญที่จะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถนั่งและนอนหลับบนรถเข็นเด็กได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นไปอีกขั้น เพราะรถเข็นเด็กที่มาพร้อมด้วยระบบโช๊คบริเวณล้อ หรือระบบลดแรงสั่นสะเทือนบริเวณใต้เบาะที่นั่งจะช่วยดูดซับแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการที่ต้องเข็นรถเข็นเด็กไปบนถนนที่มีพื้นผิวถนนขรุขระ หรือบนฟุตบาทที่ไม่เรียบเสมอกัน ซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ไม่เกิดอาการมึนหรือเวียนหัว และสามารถนั่งบนรถเข็นเด็กได้อย่างมีความสุข และนอนหลับได้อย่างสนิทตลอดการเดินทาง

      

ระบบปรับระดับความสูงบริเวณด้ามจับของรถเข็นเด็ก

       ระบบปรับระดับความสูงบริเวณด้ามจับของรถเข็นเด็กเป็นหนึ่งในฟังก์ชันที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อช่วยตอบโจทย์การใช้งานสำหรับคุณพ่อและคุณแม่ทุกคนโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกคนสามารถปรับระดับความสูงบริเวณด้ามจับของรถเข็นเด็กให้อยู่ในระดับประมาณเอวหรือต่ำกว่าเอวเล็กน้อยตามความเหมาะสมกับสรีระของตัวเองเพื่อความสะดวกสบายและคล่องตัว อีกทั้งยังเป็นการช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่เกิดจากการเข็นรถเข็นเด็กที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากแบบผิดท่าไปไหนมาไหนตลอดทั้งวัน

ระบบปรับการเข็นแบบ 2 ทิศทาง

       รถเข็นเด็ก (Baby Stroller) ที่มีฟังก์ชันปรับการเข็นแบบ 2 ทิศทาง ทั้งแบบหันหน้าเข้าหาคนเข็น และแบบหันหน้าออกจากคนเข็น เป็นรถเข็นเด็กที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมของเด็กที่เปลี่ยนไปตามช่วงวัยโดยเฉพาะ โดยเด็กวัยทารกส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบการนั่งรถเข็นเด็กในลักษณะหันหน้าเข้าหาคนเข็น เพื่อที่ตนเองจะได้สามารถมองเห็นหน้าคุณพ่อและคุณแม่ซึ่งเป็นบุคคลที่ตนเองไว้วางใจได้ตลอดเวลา ในขณะที่เด็กโตส่วนใหญ่นั้นจะชื่นชอบการนั่งรถเข็นเด็กในลักษณะหันหน้าออกจากคนเข็นมากกว่า เพราะเด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังช่างสังเกตและช่างสงสัย พวกเขาจึงมักจะให้ความสนใจและชื่นชอบการนั่งมองบรรยากาศ สิ่งของ หรือผู้คนใหม่ ๆ รอบตัวมากเป็นพิเศษนั่นเอง

หลังคาพร้อมหน้าต่างระบายอากาศ

       การพาลูกน้อยออกจากบ้านในแต่ละครั้งอาจทำให้ลูกน้อยต้องเผชิญหน้ากับแสงแดด ฝุ่นควัน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ มากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้การเลือกใช้งานรถเข็นเด็กที่มาพร้อมด้วยฟังก์ชันหลังคา (Canopy) พร้อมหน้าต่างระบายอากาศจึงสามารถช่วยให้เด็ก ๆ นั่งอยู่บนรถเข็นท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจทั้งแดดที่ร้อนจัดและฝนที่ตกหนักได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผิวที่บอบบางของเด็ก ๆ ต้องสัมผัสกับมลพิษและเชื้อโรคร้ายที่อาจก่อให้เกิดความเจ็บป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (5-point harness)

       เพราะอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันสามารถเกินขึ้นได้ตลอดเวลา สายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (5-point harness) จึงถือเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันเสริมความปลอดภัยที่สำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับรถเข็นเด็ก เพราะโดยทั่วไปแล้วเด็ก ๆ ที่กำลังอยู่ในวัยหัดเดินหรือเด็กโตส่วนใหญ่นั้นมักจะไม่ชื่นชอบการนั่งอยู่เฉย ๆ กับที่บนรถเข็นเด็กเป็นระยะเวลานาน ๆ ซึ่งจะสังเกตได้จากการที่เด็ก ๆ ส่วนใหญ่มักจะขยับตัว มือ หรือเท้า หยุกหยิกไปมาอยู่ตลอดเวลา หากรถเข็นเด็กไม่มีระบบสายรัดหรือเข็มขัดนิรภัยที่จะช่วยรัดตัวเด็กเอาไว้กับเบาะที่นั่งของรถเข็นเด็กก็อาจทำให้เด็ก ๆ หล่นลงมาจากรถเข็นและนำไปสู่การเกิดการบาดเจ็บทางร่างกายที่รุนแรงได้ 

       ยิ่งไปกว่านั้น พฤติกรรมการใช้งานรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) ของคุณพ่อและคุณแม่หลาย ๆ ท่าน อย่างเช่น การแขวนสัมภาระที่มีน้ำหนักหรือมีขนาดใหญ่เอาไว้ที่บริเวณด้ามจับของรถเข็นเด็ก หรือการเข็นรถเข็นเด็กขึ้น-ลงบันไดเลื่อน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่อาจทำให้รถเข็นเด็กเกิดการพลิกคว่ำหรือหงายหลังจนส่งผลให้เด็ก ๆ พลัดตกจากรถเข็นเด็กและเกิดการบาดเจ็บได้ เพราะฉะนั้นแล้วเพื่อความปลอดภัยที่มากที่สุดของลูกน้อย คุณพ่อและคุณแม่ทุกคนจึงควรเลือกใช้งานรถเข็นเด็กที่มีระบบความปลอดภัยแบบสายรัดนิรภัย 5 จุด (5-point harness) และควรทำการคาดสายรัดหรือเข็มขัดนิรภัยอย่างแน่นหนาและถูกวิธีทุกครั้งเมื่อต้องการจะพาลูกน้อยไปยังสถานที่ต่าง ๆ ด้วยการใช้งานรถเข็นเด็ก

ระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือกว่า

       ระบบรักษาความปลอดภัยของรถเข็นเด็ก (Baby Stroller) ถือได้ว่าเป็นฟังก์ชันที่มีความสำคัญมากที่สุดที่คุณพ่อและคุณแม่ทุกคนควรเลือกพิจารณาให้ละเอียดและถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนการเลือกซื้้อรถเข็นเด็กมาใช้งาน โดยรถเข็นเด็กที่ได้ประสิทธิภาพนั้นจำเป็นจะต้องมีระบบเบรกหรือระบบห้ามล้อที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยที่มากที่สุด เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ ได้รับอันตรายจากการที่รถเข็นเด็กเกิดไหลจากบริเวณที่เป็นทางลาดชันลงไปยังบริเวณท้องถนน บันได หรือรางรถไฟฟ้า จนได้รับการบาดเจ็บที่อาจรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ 

       โดยรถเข็นเด็กของ Britax คือ สุดยอดรถเข็นเด็กที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อการมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยี Linked Parking Brake ที่จะช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านสามารถทำการล็อกล้อหลังของรถเข็นเด็กทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้รถเข็นเด็กเกิดการไหลเมื่อจอดอยู่ในบริเวณที่เป็นเนินชันได้อย่างสะดวกรวดเร็วในขั้นตอนเดียว เพียงแค่ทำการเหยียบแป้นเบรกที่บริเวณล้อหลังด้านขวาของรถเข็นเด็กของ Britax เท่านั้น เพื่อการช่วยเพิ่มความปลอดภัยที่ดีที่สุดให้กับเด็ก ๆ ที่นั่งอยู่บนรถเข็นเด็กทุกคน 

       สำหรับคุณพ่อและคุณแม่ท่านไหนที่กำลังมองหาคาร์ซีทเด็ก และรถเข็นเด็ก คุณภาพให้กับลูกน้อยของตนเอง Britax คือ บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีท และรถเข็นเด็ก จากเยอรมันที่มีนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุด เราให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้รับสินค้าที่มีการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านสามารถไว้วางใจในคุณภาพและความสบายของลูกน้อยในระหว่างการใช้งานคาร์ซีท และ รถเข็นเด็ก ทุกรุ่นของ Britax ได้เป็นอย่างดีเสมอ และเรายังมีบริการดูแลและรับประกันสินค้าสูงสุดถึง 24 เดือนในกรณีสินค้าชำรุดสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้าได้ทางหน้าเว็บไซต์ทันที

BRITAX Strollers

  • รถเข็นเด็ก Britax รุ่น Gravity II (แรกเกิด - 6 ปี)
    22,900.00 THB

    มีหลายคุณสมบัติให้เลือก

  • ใหม่ล่าสุด
    รถเข็นเด็ก Britax รุ่น SEED PAPILIO (แรกเกิด - 4 ปี)
    39,900.00 THB
    49,900.00 THB  (-20%)

    มีหลายคุณสมบัติให้เลือก

  • รถเข็นเด็ก Britax รุ่น GO NEXT (แรกเกิด - 4 ปี)
    52,720.00 THB
    65,900.00 THB  (-20%)

    มีหลายคุณสมบัติให้เลือก


สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อ

Call center : 02 538 6700

Call center : 084 388 3887

Email : Info@BritaxThailand.com

Line: @britaxthailand


Visitors: 892,123